วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

เมื่อผมรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง ตอนที่ 8.1


วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นวันก่อนวันแห่งความรัก ที่หลายคนต่างจะต้องจัดเตรียมหา ดอกกุหลาบ หรือดอกไม้ไว้เพื่อเตรียมนำไปมามอบให้คนพิเศษ ตามธรรมเนียมของเทศกาลนี้ หลายคนรอคอยว่า วันพรุ่งนี้จะมีข่าวดีจากเพื่อนที่คบกันมาจะบอกรักหรือไม่ แฟนที่คบกันมานานจะขอแต่งงานหรือเปล่า ต่างใจจดจ่อให้ถึงไว ๆ สำหรับผมแล้ว ก็เตรียมตัวเช่นกัน ไม่ใช่เตรียมหาดอกไม้หรืออะไร แต่เตรียมตัวรอคอยฟังผลตรวจชิ้นเนื้อ มันเป็นการรอคอยที่ให้ความรู้สึกอย่างบอกไม่ถูก และก็เป็นวันที่จะต้องบันทึกลงในส่วนหนึ่งของสมอง เพื่อระลึกถึงเช่นเดียวกันกับวันวาเลนไทน์ที่หลายคนจดจำไว้ในสิ่งที่ดี ๆ ที่ได้รับ
 
2. จุดเปลี่ยนที่สอง : เมื่อผมรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง (ต่อ)  เช้าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2556 นักกายภาพฯมาฝึกทำกายภาพตามปกติ มีการทบทวนท่ากายภาพก่อนที่จะกลับบ้าน ก่อนออกจากห้องนักกายภาพฯ ยังอวยพรให้ผม “ขอให้ได้รับข่าวดีนะ” ใจผมยิ้มกับคำอวยพรที่ดีนั้น ไม่นานเสียงเคาะประตูห้องพร้อมการเดินเข้ามาของหมอเจ้าของใข้ กับพยาบาลตามปกติ ”วันนี้จะได้กลับบ้านแล้ว คนไข้วันนี้ขอดูแผลหน่อยซิ” หมอเจ้าของไข้บอกผมพร้อมกับเดินมาด้านหลัง ผมสังเกตุเห็นในมือหมอมีกระดาษพับอยู่หนึ่งแผ่นซึ่งก็คือ ผลการตรวจชิ้นเนื้อนั่นเอง “แผลดูดีแห้งมากแล้ว วันนี้ตัดไหมได้แล้วนะ” หมอเจ้าของไข้พูด จากนั้นก็เดินมาด้านหน้าผม พร้อมกับคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกพร้อมกับพูดว่า

 “ผลตรวจไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดไว้ ...........”  หมอเจ้าของไข้อธิบายไปหลายอย่างมาก
สุดท้ายก็มาจบลงตรงที่ว่า “ผลตรวจชิ้นเนื้อบ่งบอกว่าเป็น มะเร็งผิวหนัง ชนิดเม็ดสีผิดปกติ ฉะนั้นจะต้องตรวจหาจากจุดอื่น ๆ ที่จะเป็นแหล่งที่ก่อให้เกิด เพราะว่าจุดที่เกิดนั้นไม่ใช่เป็นจุดรวมของเม็ดสี ไม่น่าจะเกิดเป็นมะเร็งได้ ต้องตรวจที่ ผิวหนังพวกเม็ดไผต่าง ๆ รวมไปถึงที่ ตา หู คอ จมูก ด้วย ที่ตาเป็นจุดรวมของเม็ดสี ส่วนหู คอ จมูกนั้นก็เป็นพวกเนื้อเยื่อที่จะเป็นจุดรวมของเม็ดสีที่จะเกิดมะเร็งชนิดนี้ได้ เดี๋ยวจะให้หมอผิวหนังมาตรวจดู พร้อมทั้งต้องไปพบหมอ ตา หู คอ จมูกด้วย เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ค่อยกลับบ้านนะครับ”  หมอเจ้าของไข้จบประโยค  เสร็จแล้วก็ออกจากห้องไปเช่นเคย


ผมนิ่งอยู่เหมือนวันที่หมอเจ้าของไข้มาแจ้งว่าผมต้องผ่าตัด ผมงงอยู่กับชีวิตว่า ผมเข้าโรงพยาบาลมารักษาอาการ ปวดหลัง เดินไม่ได้ แค่ตอนที่จะรู้ว่าต้องผ่าตัด ก็ทำใจลำบากแล้ว สุดท้ายมาลงตรงที่ว่าผมเป็นมะเร็ง จะให้ผมทำใจยังไง ในสมองผมตอนนั้นคิดว่าจะต้องแจ้งข่าว ระหว่างพี่ ๆ ของผมหรือภรรยา ครั้นจะใช้โทรศัพท์ ผมว่าผมคงต้องร้องไห้และสุดท้ายก็พูดไม่รู้เรื่อง ตัดสินใจส่งข้อความถึงภรรยา “หมอแจ้งผลชิ้นเนื้อแล้ว เป็นมะเร็ง” สั้น ๆ แค่นั้นที่ผมแจ้ง

(ตามต่อตอนที่ 8.2 นะครับ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น