วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

เมื่อผมรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง ตอนที่ 7



ทุกคนมีเป้าหมายของชีวิตไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะตั้งเป้าหมายว่า ได้ทำงานในตำแหน่งงานที่มั่นคง มีเงินเยอะ ๆ เป็นเจ้าของกิจการและอื่นๆ อีกมากมาย ผมเพิ่งเข้าใจความหมายของชื่อหนังสือหลวงตามหาบัว ที่ว่า “ไม่มาเกิดมาตายเรียกว่า ชาติสุดท้าย” ซึ่งก็คือนิพพาน นั่นเอง เป็นเป้าหมายสูงสุดที่ พระสัมมาสัมพุทธะ ได้วางไว้สำหรับพุทธศาสนิกชน “ภิกษุ ท.! อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม ๓ อย่างเหล่านี้มีอยู่ ๓อย่างอย่างไรเล่า? ๓อย่างคือ ๑. ไม่ปรากฏมีการเกิด (น อุปฺปาโท ปญฺญายติ) ๒.ไม่ปรากฏมีการเสื่อม (น วโย ปญฺญายติ) ๓. เมื่อตั้งอยู่ ก็ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ (น ฐิตสฺส อญฺ ญถตฺตํ ปญฺญายติ). ภิกษุ ท.! ๓อย่างเหล่านี้แลคืออสังขตลักษณะของอสังขตธรรม.” (ติก. อํ. ๒๐/๑๙๒/๔๘๖-๔๘๗.)

2. จุดเปลี่ยนที่สอง : เมื่อผมรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง (ต่อ)  ในช่วงที่ผมอยู่ที่ห้องพักฟื้นนี้ มีคนไข้อยู่ประมาณ 4-5 ราย บางรายเท่าที่มองเห็นก็นอนไม่รู้ตัว บางรายก็ร้องตะโกนจับใจความไม่ได้ สอบถามพยาบาลแจ้งว่า "เป็นคนไข้พิเศษที่ต้องมีการมัดร่างกายไว้ด้วย" ทำให้รู้ว่าเรายังมีอาการดีกว่าคนไข้คนอื่นมาก หลังจากกินข้าวเช้าไม่นาน ก็มีนักกายภาพบำบัดเข้ามาที่ห้อง พร้อมแจ้งว่า "ลองทำกายภาพฟื้นฟูร่างกาย" "เอาแล้วไม่หละนี่ผมเพิ่งผ่าตัดมานะครับจะให้กายภาพเลยเหรอ" ผมคิดในใจ พอดีหมอเจ้าของไข้เข้ามาดูอการผม ก็แจ้งว่า "ดูอาการดีนะ อีกสองสามวันก็คงกลับบ้านได้ ส่วนเรื่องกายภาพนั้นทำได้เลย" เท่านั้นแหละ พอหมอเจ้าของไข้ออกไป การกายภาพฯก็เริ่มขึ้น ตั้งแต่ยกขา  เตะขาตรง  เอียงตัวเตะขาไปมา ท่าพวกนี้ไม่เท่าไร แต่กายภาพแบบที่ให้ลุกขึ้นจากเตียงโดยการตะแคงนี้ซิ จะรู้ไม่หละว่ามันทรมาน แต่ก็ต้องทำ เพราะเลือดเสียที่อยู่ในแผลจะได้ไหลออกมาเยอะ นักกายภาพฯบอกอย่างนั้น ไม่ถึง 20 นาที "ฝึกบ่อย ๆ นะ" จากนั้นก็ออกจากห้องไป (จุดที่ผ่าตัดหมอจะมีสายยางเล็ก ๆ เพื่อระบายเอาเลือดที่ค้างไว้ภายในโดยมีขวดรองรับอยู่) 

เมื่อผมเข้าพักที่ห้องพิเศษอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอกลับบ้านนั้น หมอเจ้าของไข้ไม่ได้มาดูอาการผม มีเพียงพยาบาลเท่านั้นที่มาทำหน้าที่ประจำในแต่ละวันคือ วัดไข้ ความดัน วัดออกซิเจน ทุก ๆ 4 ชั่วโมง และก็มีการฉีดยาให้ผม 3 เข็ม เป็นยาแก้ปวด แก้ติดเชื้อเท่านั้น อาจจะเป็นไปได้ที่ว่าเป็นวันสุดสัปดาห์ หมอเจ้าของไข้ก็เลยหยุด อีกอย่างเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีนด้วย  เป็นความโชคดี ผมก็เลยได้กินผลไม้ที่แพงที่สุดมั้ง จากผู้ที่มาเยี่ยมผมในช่วงเทศกาลดังกล่าว “กล้วยหอมหวีละ 160 บาท ส้มอีกต่างหาก” ขอบคุณกัลยาณมิตร คุณวันเพ็ญ คุณอัครเดช คุณอาจารียาพร คุณมาลิเกษ ที่ ...(กัดฟัน)...ซื้อมาฝาก อีกเรื่องที่ผมแปลกใจภายหลังว่าทำไมการผ่าตัดผมไม่ต้องมีญาติมาเซนต์ยินยอม มานึกได้ว่าผมมีประกันชีวิตนี่เอง เพราะเรื่องค่าใช้จ่ายเท่าที่ทางโรงพยาบาลแจ้งไว้หลังจากผมอยู่รักษาตัว 3 วัน อยู่ที่ สองแสนกว่าบาท โชคดีของผมที่ได้ทำประกันชีวิตไว้ไม่งั้นคงไม่มีเงินจ่ายแน่ ๆ 

กิจวัตรประจำวันของผมนั้น ช่วงเช้าหลังกินข้าวจะมีนักกายภาพฯแวะเวียนมาฝึกทำกายภาพ ทั้งเตะขา สร้างกำลังกล้ามเนื้อขา เพื่อให้สามารถรับน้ำหนักตัวของตนเองให้ได้ ผมถามนักกายภาพฯว่า “ผมจะเดินได้หรือเปล่า” “เดินได้ เคสของคนไข้ไม่ได้เป็นเยอะ เป็นลักษณะของอัมพฤษ์ชั่วคราวเท่านั้น” นักกายภาพฯบอกผม เพียงแค่หนึ่งวัน นักกายภาพฯก็สอนผมเดิน โดยช่วงแรกให้ผมใช้ไม้เท้า walker ช่วยพยุง จากนั้นก็พยุงให้ผมเดินค่อย ๆ ก้าว เป้าหมายแรกของผมหลังผ่าตัดคือ ผมต้องเดินให้ได้ ผมยังอยากที่จะกลับไปปั่นจักรยานและมีโครงการของการปั่นจักรยานทางไกลด้วย ช่วงนั่นผมมีความรู้สึกว่าผมจะต้องหายและเดินได้ ในจิตใจผมคิดอย่างนั้นตลอด อาจจะเป็นเรื่องของการสร้างกำลังใจให้กับตนเองหรือเปล่าไม่รู้


แรงจูงใจที่ใหญ่ยิ่งอย่างหนึ่งก็คืออีกสองอาทิตย์ (ผมผ่าตัดวันที่ 6 กพ.56) วันที่ 23 ก.พ.56 ทางโรงเรียนของลูกสาว จะมีการจัดงานยุวบัณฑิต ให้กับนักเรียนที่เรียนจบระดับอนุบาล 3 ซึ่งก่อนหน้าที่ผมจะต้องเข้าโรงพยาบาล หลังจากกลับจากโรงเรียน ลูกสาวผมจะต้องมาซ้อมการเดินเข้ารับวุฒิบัตรให้ดูอยู่เป็นประจำ ผมตั้งใจไว้ว่าจะต้องไปร่วมงานให้ได้ ผมใช้เวลาในการฝึกกำลังขาทั้งนั่ง-นอนเตะขา ลุกนั่งแบบเบา ๆ โดยเกาะที่เตียง 3 เวลาหลังกินข้าว หรือแม้แต่กระทั่งเวลาว่าง บางครั้งก็ถึงกับร้องให้ในอาการที่เป็นอยู่ แต่ในความท้อนั้นก็มีความหวังขึ้นมา เช้ามืดของวันอาทิตย์ที่ 10 กพ. 56 (4 วัน หลังจากผ่าตัด) ผมลุกจากเตียง จะลองฝึกเดิน ผมตัดสินใจ เดินเองโดยยกไม้เท้า walker ขึ้น แล้วค่อย ๆ ก้าวเดินอย่างช้า ๆ ซ้าย สลับขวา โดยไม่ต้องใช้ไม้ walker สิ่งที่ผมกังวลตั้งแต่แรกคือผมจะเดินไม่ได้นั้น ผมเดินได้แล้ว แม้จะไม่เหมือนเดิมก็ตาม เป้าหมายของผมบรรลุแล้ว

หมายเหตุ : ที่ผมฟื้นตัวได้เร็ว อาจจะมาจากการที่ได้ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำทำให้กล้ามเนื้อต่าง ๆ พร้อมที่จะทำงานได้ (อันนี้เป็นตรรกะที่ผมคิดเอาเอง) ผลดีของการออกกำลังกาย เชิญชวนทุกท่านหาเวลาออกกำลังกายกันนะครับ

(ตามต่อตอนที่ 8 นะครับ)

1 ความคิดเห็น:

  1. 55555 เป้าหมายคือ อยากปั่นจักรยาน !!!!! ปั่นทางไกลด้วย

    ศรีราชา - กบินทร์

    ตอบลบ