ในใจนึกว่าเข็มที่หกจะเป็นเข็มสุดท้ายแต่หาไม่
หลังจากหมอได้แจ้งกับผมว่าหลังเข็มที่หกจะมีการประเมินอาการ โดยการทำ CT Scan แบบละเอียดอีกครั้งทั้งหมดตั้งแต่ช่วงหน้าอกลงไปถึงท้องช่วงล่าง หลังจากร่างกายฟื้นสภาพเกือบปกติแล้ว
ผมก็เข้าไปรับการตรวจ CT Scan
การตรวจแต่ละครั้งมันก็เหมือนเดิม แต่อาการของคนไข้นี่สิที่ไม่เหมือนเดิม ทุกครั้งที่ทำ CT Scan จะต้องมีการเปิดเข็มไว้เพื่อรอสำหรับการฉีดสารทึบแสงหรือไอโอดีนนั่นเอง ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันหลังจากผมเจาะเลือดสำหรับตรวจเม็ดเลือดต่าง ๆ แล้ว (เจ็บตัวครั้งที่หนึ่ง) ก็ต้องไปนอนให้พยาบาลที่แผนกรังสีเจาะแขนเพื่อเปิดเข็มอีกครั้ง (เจ็บตัวครั้งที่สอง) คงเป็นความเคยชินแล้วกระมั้งที่ความรู้สึกเจ็บ ความกลัวเข็มมันมีแต่น้อยลงไป จากนั้นก็เข้าไปนอน ให้พยาบาลสวนน้ำเพื่อตรวจช่องท้องช่วงล่าง คราวนี้ไม่มีอะไรมาก อย่างว่าเคยผ่านมาแล้วก็สบาย แต่พอมาถึงการฉีดสารทึบแสง เคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่าต้องใช้เครื่องฉีดสารเข้าไปให้เร็ว เพราะสารทึบแสงจะสลายตัวง่าย เมื่อฉีดเสร็จต้องทำการ Scan ทันที เมื่อถึงเวลาพยาบาลมาทดสอบโดยฉีดน้ำเกลือก่อน แค่ไม่เท่าไรผมต้องร้องออกมาด้วยความปวดทรมานมาก
"ไม่ไหวครับ" พยาบาลต้องหยุด และลองใหม่อีกครั้งเหมือนเดิม
"เส้นเลือดคงตันไปแล้ว เจาะไว้นานไป คงต้องเปิดเข็มเส้นเลือดใหม่" พยาบาลบอก
พยาบาลย้ายจากแขนด้านซ้ายมือ มาเปิดเข็มที่หลังมือด้านขวา (เจ็บตัวครั้งที่สาม) ครั้งนี้เปิดเข็มภายในห้อง CT นั้นแหละ ในขณะเดียวกันการสวนน้ำที่ทำไปก่อนหน้านี้มันก็เริ่มจะออกฤทธิ์เข้าให้แล้วทำอย่างไงล่ะ ก็ต้องทนอย่างเดียว หลังจากเปิดเข็มเสร็จก็ต้องฉีดสารทึบเข้าไปเลย ความปวดก็เหมือนเดิม (รู้สึกแล้วว่าเส้นเลือดของผมไม่ปกติแล้ว) พยาบาลก็เลยตัดสินใจลดความเร็วลง เท่าไรผมไม่รู้ รู้แต่ว่าพยาบาลบอกหลังจากที่ได้ผลเลือดและผล CT Scan แล้ว ก็ต้องไปสถานพยาบาลฯ นำผลต่าง ๆ ไปพบหมอเช่นเดิม หมอตรวจดูผลเลือดและผล CT สรุปว่า
"เม็ดเลือดขาวครั้งนี้รู้สึกต่ำมากไม่ถึงเกณฑ์นะ ผล CT ที่ตรวจท้องช่วงล่างปกติ สำหรับผลที่ปอดยังคงเหมือนเดิมคือไม่มีเพิ่มและไม่มีลด มีบางจุดเล็กลง แต่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณหน้าอกใหญ่ขึ้นจากครั้งก่อนนะ จากขนาด 1 cm เป็น 2 cm เท่าตัวเลย แต่ก็ยังบอกอะไรมากไม่ได้ สำหรับวันนี้ก็ให้เคมีต่อนะ" หมออธิบาย
"ผมไปตรวจล่วงหน้าก่อนให้เคมีห้าวัน เป็นไปได้ว่าเม็ดเลือดยังสร้างมาได้ไม่ดี เพราะปกติจะเจาะเลือดตรวจก่อนไปให้เคมีแค่วันเดียว" ผมบอกหมอ
ณ.เวลานั้นผมจำได้แค่ว่า มีบางจุดที่ปอดเล็กลง และบริเวณท้องช่วงล่างปกติ นั่นหมายถึงว่า การคุกคามของคุณมะเร็งไม่ได้แผ่ไปยังส่วนต่าง ๆ
ก็คือมีเพียงแค่ที่ปอดเท่านั้น ส่วนคำพูดอื่น ๆ ของหมอ ผมฟังผ่าน ๆ
ได้ยินแค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว อาจจะถือได้ว่าเคมีที่ให้เข้าไปคุมไว้อยู่ หรือมีผล
ส่วนนี้ผมคิดเอาเอง
ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปหลายคนที่เจอะเจอหน้าพูดคุยกันในห้อง Obs หมุนเวียนกันไป มีเพียงผมเท่านั้นที่ยังมั่นคงกับห้องนี้จนพยาบาลที่เป็นผู้ดูแลห้องทำหน้าที่เปิดเข็มเพื่อให้เคมียังทักผม
ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปหลายคนที่เจอะเจอหน้าพูดคุยกันในห้อง Obs หมุนเวียนกันไป มีเพียงผมเท่านั้นที่ยังมั่นคงกับห้องนี้จนพยาบาลที่เป็นผู้ดูแลห้องทำหน้าที่เปิดเข็มเพื่อให้เคมียังทักผม
"คุณอภิสิทธิ์ ยังไม่หยุดหรือ แล้วหมอบอกไหมว่าจะหยุดให้เมื่อไร"
"ถามหมอเหมือนกันครับแต่หมอบอกว่าให้ไปเรื่อย ๆ" ผมยิ้มพร้อมตอบ
"ฟังแล้วดูไม่มีจุดหมายยังไงไม่รู้" พยาบาลพูด (ไม่รู้ให้กำลังใจหรือกล่าวลอย ๆ)แม้แต่พยาบาลยังพูดแบบนี้ แล้วจะให้ในใจผมคิดยังไงหละ เฮ้อ.....ได้แต่ถอนหายใจไปเบา ๆ แต่ก็ดีเหมือนกันอยู่ที่นี่นานก็ได้ฟังหลากหลายประสบการณ์จากพี่ ๆ คนไข้ที่เป็นมะเร็ง เพราะเวลาที่เราให้เคมี ก็ไม่รู้จะทำอะไรก็พูดคุยกันในเรืองที่เป็นอยู่ เป็นที่ไหนยังไง การดำเนินและใช้ชีวิต กินอย่างไรมีอะไรเสริมบ้างแล้วแต่คนที่อยู่ในห้องนั้นจะเล่าให้ฟัง
ผมได้รู้จักป้าคนหนึ่งมานั่งคุยด้วยขณะรอหมอ ป้าแกบอกว่า"เป็นมะเร็งเต้านม แล้วลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองและปอด ไม่ได้ให้เคมีมาห้าครั้งแล้ว เพราะบางครั้งก็ผลเลือดไม่ได้ บางครั้งก็สภาพร่างกายขาบวม ไม่มีแรงบ้างหมอเลยสั่งหยุดรอให้สภาพร่างกายดีก่อน ก่อนหน้านั้นตรวจพบเป็นมะเร็ง รักษาอยู่มาได้สองปีแล้ว" (ผมได้แต่ฟังอย่างเดียว)"มีลูกรึยัง ลูกอายุเท่าไรแล้ว เครียดไหม" ป้าถามผมต่อขณะที่นั่งคุยผมยังไม่ได้ตอบอะไร ก็มีพยาบาลเข็นคนไข้เข้ามาเพื่อรอทำการฉายแสง เป็นแม่ที่มาด้วย คนไข้เป็นลูกสาวอายุน่าจะประมาณ 30 ป้าก็หยุดคุยกับผมหันไปพูดคุยถามกับแม่ของคนไข้ต่อ ผมก็นั่งฟังจับใจความได้คร่าว ๆ ว่า "ลูกสาวเป็นเนื้องอกทำให้เดินไม่ได้หมอไม่ผ่าตัด แต่ให้มาฉายแสงแทนเพื่อให้ขนาดของก้อนเนื้อลดลงเผื่อจะทำให้เดินได้" คุยได้ไม่นานก็มีโทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องของแม่ ลูกสาวเหมือนกับได้ยินเรื่องที่แม่โทรศัพท์อยู่ ก็ร้องให้พูดว่า "ไม่อยากให้แม่ไป ให้แม่อยู่ด้วย ๆ" เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารทั้งแม่และคนไข้ที่เป็นลูก ป้าก็เลยหันมาคุยกับผมต่อว่า "ให้ดูคนอื่นก็เป็นเหมือนกัน ไม่ต้องไปเครียด" (ไม่รู้ป้าหรือผมที่เครียดกันแน่)
ผู้หญิงคนไข้อีกคนที่ได้คุยกันในขณะให้เคมี พอดีที่นั่งให้เคมีอยู่ใกล้กัน พี่ผู้หญิงก็เล่าให้ฟังว่า "เป็นมะเร็งเต้านม รักษาจนครบตามที่หมอกำหนดและหยุดไป แต่ก็มาหาหมอตามที่นัดไว้ตลอด ผ่านมาสี่ปี ตรวจอีกครั้งพบจุดที่ปอดกับกระดูก ต้องกลับมารักษาใหม่" ใคร ๆ ก็บอกว่ามะเร็งรักษาหาย จริง ๆ มันไม่ได้หายไปไหนเพียงแต่มันรอเวลาอีกครั้งเท่านั้น
ลุงคนไข้อีกคนที่ได้พูดคุยกัน บ้านลุงอยู่ศรีราชา ถนนเก้ากิโล ใกล้ ๆ กันกับผม "เป็นมะเร็งปอด ลุงสูบบุหรี่จัดและพอมาหยุดสูบ ก็ตรวจพบเมือประมาณต้นปี 57 นี่เอง (ไม่รู้ว่าลงแกสูบมาตั้งแต่เมื่อไร และหยุดเมื่อไร) และลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองที่คอเห็นชัดเป็นตุ่มขนาดลูกปิงปอง ที่ปอดมันกระจายไปทั่วแล้ว อาการของลุงคือไอออกมาเป็นก้อนเลือด เลยไปพบหมอ หมอแจ้งว่าเป็นมะเร็ง พอรู้ ลุงแกบอกกับหมอว่าขอเวลา 1 เดือน (ไปทำใจมั้ง) ลุงแกไปอยู่เข้าวัดแถวจังหวัดหนองบัวลำภู แล้วจึงกลับมารักษาต่อ" ตอนมาให้เคมีครั้งแรกลุงลืมกินยาแก้แพ้มาจากบ้าน (เป็นยาที่หมอจะให้ไว้ก่อนมาให้เคมีต้องกินก่อนล่วงหน้า 1 วัน) พอให้เคมีได้สักพัก หน้าตาเริ่มแดงเหงื่อออก หายใจถี่ ๆ บอกไม่ไหว ต้องกดกริ่งเรียกพยาบาล เข้ามาลดอัตราการให้เคมีลง เล่นเอาคนในห้องตกใจเหมือนกัน หลังจากนั้นเจอหน้าก็ทักทายคุยกันหลายเรื่อง ส่วนใหญ่ลุงจะเป็นคนเล่าให้ผมฟัง เรื่องที่เล่าก็ตั้งแต่ลุงแกทำงานสมัยหนุ่ม ๆ ทำอะไรที่ไหนบ้าง ลุงจะเรียกผมว่านายช่าง คงเห็นผมเหมือนพวกวิศวกระมั้ง หลังจากเข็มที่สามของลุง ก่อนกลับผมเลยถือโอกาสให้ซีดีพุทธวจน ชุด ปฏิปทาเพื่อบรรลุมรรคผลของคนเจ็บไข้ ให้ลุงไปฟัง เป็นความรู้สึกดีใจที่ได้มอบธรรมะให้กับลุงครับผมสงสัยหลายครั้งว่าเคมีที่ให้ผมนี่มันมีชื่อไหม (คงมีแหละ) ให้เคมีมาก็ 10 เข็มแล้ว ก็เลยถามหมอถึงชื่อเคมีของยา หมอตอบว่า มีสองตัวคือ Carboplatin กับ Paclitaxel ไหน ๆ ก็เรียนเคมีแล้วขอทำความรู้จักมันหน่อย ก่อนที่จะไปรู้จักกับไอ้เจ้าเคมีที่ผมได้รับ มาทำความรู้จักกับยาเคมีที่ใช้รักษามะเร็งกันก่อนว่ามีอะไรบ้าง การเข้าทำลายเซลล์ในร่างกายมันมีกระบวนการอย่างไร (พอคร่าว ๆ เพื่อรู้นะครับ) ทางการรักษามะเร็งเคมีที่ใช้จะมีหลายกลุ่มด้วยกัน เช่น
ในส่วนของตัวยาเคมีที่ผมได้รับการรักษาทั้งสองตัวนั้นอยู่ในกลุ่มใหนมีคุณลักษณะอย่างไรมาดูกันครับ
ยาเคมีที่ผมได้รับมีสองชนิดตามที่หมอได้แจ้งไว้ คือ CARBOPLATIN กับ PACLITAXEL
ซึ่งการใช้รักษาส่วนใหญ่จะใช้ทั้งสองชนิดควบคู่กัน
1. CARBOPLATIN เป็นตัวยาเคมีอยู่ในกลุ่ม Platinum
ยานี้ใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งรังไข่ มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งอัณฑะ
มะเร็งศีรษะและคอ เนื้องอก Wilms (Wilms tumor) เนื้องอกในสมอง
มะเร็งจอตา (retinoblastoma) หรือโรคมะเร็งอื่นๆ มีลักษณะเป็นของเหลวใส
ที่ใช้ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ
ผลข้างเคียง
1. ยา paclitaxel สูตรที่ผสม albumin ใช้รักษาโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก (Non -
small cell lung cancer) มะเร็งตับอ่อนระยะแพร่กระจาย
2. ยา pacliraxel สูตรที่ผสม polyoxyethylated
castor oil
2.1 รักษามะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านมและมะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก
2.2 รักษามะเร็งเนื้อเยื่อเกี่ยวพันแบบ Kaposi (Kaposi s sarcoma) ในผู้ป่วยเอดส์
3. อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการอื่นๆ
ดังนั้นหากมีข้อสงสัยจึงควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
หากอ่านดูกระบวนการทำงานของยาเคมีแต่ละกลุ่มนั้นดูเหมือนว่าจะมีผลยับยั้งการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง
ซึ่งก็น่าจะทำให้โรคร้ายนี้หายไปหรือหยุดยั้งได้
แต่ทำไมชีวิตคนที่เป็นโรคนี้มีแต่ร่วงโรยลา
หรือเป็นเพราะว่าไม่ได้ตายเพราะมะเร็งแต่เป็นเพราะตายด้วยฤทธิ์ของยาเคมีที่ใช้รักษา
(อันนี้ผมเข้าใจไปเองนะครับ)
กว่า 7 เดือนที่ผมต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ ร่างกายหลังการให้เคมีในช่วงหลัง
ๆ นี้ ไม่ค่อยจะมีอาการมากเหมือนช่วงเข็มแรก ๆ อาจจะชาชินไปแล้ว
หรือไม่ก็สามารถปรับสภาพได้อย่างที่หมอบอก "อาการอย่างนี้เรียกว่าดื้อยารึเปล่า เพราะให้เคมีไปผลของยาที่จะไปลดมะเร็งก็ไม่มี" ผมถามหมอ
"เป็นไปได้แต่ไม่ใช่ดื้อยา อาจจะเป็นเรื่องของร่างกายมากกว่าที่สามารถรับได้ แต่ถึงจุด ๆ หนึ่งร่างกายก็รับไม่ไหวเช่นกัน แต่จะเมื่อไรนั้นบอกไม่ได้ขึ้นกับสภาพร่างกายของคนไข้เอง" หมอตอบผมกลับ (ให้กำลังใจกันสักหน่อยก็ไม่ได้)
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว คงต้องสู้กันต่อไป ผมอาจจะโชคไม่ดีที่เจอโรคร้าย
แต่ในความโชคไม่ดีก็มีความโชคดี เพราะผมรู้ว่าผมต้องตายแน่นอน
สิ่งนี้แหละที่ทำให้ผมต้องเตรียมตัวอย่างไรเมื่อถึงกาละนั้น สุดท้ายทุกอย่างก็ไม่ใช่ของเรา
ไม่ใช่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา แม้แต่กายนี้ก็เป็นเพียงแค่ธาตุตามธรรมชาติ
แหล่งข้อมูล :
http://en.wikipedia.org/wiki/Paclitaxel
http://en.wikipedia.org/wiki/Carboplatin
http://www.yaandyou.net
http://www.chulacancer.net
เอกสารแนะนำผู้ป่วย กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลราชวิถี
แหล่งข้อมูล :
http://en.wikipedia.org/wiki/Paclitaxel
http://en.wikipedia.org/wiki/Carboplatin
http://www.yaandyou.net
http://www.chulacancer.net
เอกสารแนะนำผู้ป่วย กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลราชวิถี