ภิกษุ ท. ! กายนี้ ไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย
และทั้งไม่ใช่ของบุคคลเหล่าอื่น.
ภิกษุ ท. ! กรรมเก่า(คือกาย)นี้อันเธอทั้งหลาย พึงเห็นว่า
เป็นสิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งขึ้น (อภิสงฺขต),
เป็นสิ่งที่ปัจจัยทำให้เกิดความรู้สึกขึ้น (อภิสญฺเจตยิต),
เป็นสิ่งที่มีความรู้สึกต่ออารมณ์ได้ (เวทนีย).
นิทาน. สํ. ๑๖/๗๗/๑๔๓.
หลังจากผ่านคีโมเข็มแรกมาแล้ว ผมพักฟื้นอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ก็กลับมาทำงานด้วยร่างกายที่ค่อย ๆ
ฟื้นจากฤทธิ์เคมี (มันยาพิษชัด ๆ) ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผมคงไม่ต้องบอก ยังกะพระสึกมาใหม่ หมอนัดผมเพื่อดูอาการข้างเคียงอีกครั้งหลังจากให้เข็มแรกสองสัปดาห์
พร้อม CT scan ท้องช่วงล่าง และผลตรวจเลือดต่าง ๆ
ผมกลับไปที่รพ.ที่ผมผ่าตัดและติดต่อประกันสังคมเพื่อนัดวันทำ CT scan และเจาะเลือด ชักเริ่มที่จะเคยชินกับกิจวัตรแบบนี้ไปเสียแล้ว
เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ณ.ปัจจุบัน
การทำ CT scan ท้องช่วงล่างลงไปมีอะไรที่พิเศษเพิ่มเข้ามานอกจากต้องฉีดไอโอดีน
คือ การสวนน้ำทางทวารหนัก ตอนแรกที่ได้ยินพยาบาลบอกต้องทำ ผมตกใจ เพราะความไม่เคย
(อย่าคิดมากนะครับ) มันก็คือการทำดีท๊อกซ์นี่เอง ช่วงเวลาของการสวนน้ำ (ไม่ได้ไปเล่นสวนน้ำตามห้างหรือทะเลกรุงเทพนะ)
ไม่นาน พยาบาลบอกแค่ว่า
"ใช้น้ำสวนเข้าไปทนเท่าที่ได้นะค่ะ ไม่ไหวก็บอก"ผมก็พยายามนึกถึงความรู้สึกว่าทนเท่าที่ได้ ความทนที่ว่านี้คือ ท้องจะปวดเหมือนข้าศึกกำลังบุกออกทางลำใส้ใหญ่ (ใช้คำอธิบายที่คิดว่าสุภาพมากแล้ว) เมื่อผมมีความรู้สึกที่ว่าก็เลยร้องบอกกับพยาบาล "ไม่ไหวครับ" จากนั้นผมต้องกลั้นความปวดเอาไว้ ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที การ scan ก็เสร็จเรียบร้อย แต่...แต่ยังไม่ครบขั้นตอน ยังต้องฉีดไอโอดีนเข้าไปอีก ข้าศึกก็มาทะลวงลำไส้ผมเต็มทน โอ้จอร์จ......มันช่างสุด ๆ อะไรเช่นนี้ หลังจากเรียบร้อยทุกอย่างผมต้องค่อย ๆ ย่างอย่างสุขุมออกจากห้องรังสี แล้วรีบเข้าห้องน้ำอย่างทันที เหมือนทุกสิ่งที่อยู่ในท้องทะลักออกมาในบัดดล ความรู้สึกหลังจากนั้นคือดุจดังเช่นถนนในกรุงเทพที่เป็นวันหยุดติดต่อกันหลาย ๆ มันช่างโล่งเสียนี่กระไร (คงพอจะมองเห็นภาพนะ)
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 ผมนำผลที่ได้ทั้งหมดกลับไปที่สถานพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ
ผลของ CT scan ไม่พบอะไรผิดปกติ มีเพียงที่ตับพบจุดเล็กมาก ๆ หมอบอกผมว่า
"ยังฟันธงไม่ได้ว่าเป็นอะไร"
(สงสัยต้องรอให้โตสักขนาด 5 เซนต์. มั้งถึงจะฟันธงได้
อย่างนั้นคงต้องลาโลกไปก่อนละครับ) นอกจากผล CT scan ยังมีผลเลือดอีกด้วย
"เป็นเรื่องปกติที่เม็ดเลือดขาวจะต่ำ บางคนอาจจะต่ำมาก" จากนั้นแจ้งต่อว่า
"พบกันอีก 1 สัปดาห์เพื่อให้ยา และเจาะเลือดมาอีกครั้ง"
พร้อมจ่ายยาแก้แพ้เหมือนเดิมอีก 24 เม็ด ให้กินช่วงสองทุ่ม
และเช้าก่อนที่จะมาให้เคมีเข็มที่ 2 ครั้งละ 12 เม็ด
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 ผลเลือดก่อนที่จะให้เคมี
เม็ดเลือดขาวก็เข้าสู่ภาวะปกติอยู่ในเกณฑ์ จะไม่ปกติได้ไง ผมอัดไข่ขาว
(ไข่ต้มกินเฉพาะไข่ขาว) วันละ 6 ฟอง ตั้งแต่วันที่รู้ว่าเม็ดเลือดขาวต่ำ
จนแทบจะเอียนแต่ก็ต้องกินเข้าไปเพราะหากว่าผลเลือดไม่ผ่านหมอก็จะสั่งหยุดให้เคมีก่อน
ผลที่ตามมามะเร็งอาจจะดื้อยาก็เป็นได้ เข็มที่ 2 นี้
หมอดูผลเลือดแล้วบอกเหมือนให้กำลังใจว่า
"วันนี้พร้อมที่จะสู้ต่อนะ"
จากนั้นก็ไปรอให้เคมีเหมือนเดิม พยาบาลแจ้งว่า
"ให้ admit"
ผมไปที่ห้องเดิมคือ
ห้อง 605 เตียงเดิม ผมไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า
เพราะผมรู้แล้วว่าคงต้องลงไปข้างล่างที่ห้อง obs ที่ห้อง 605 ที่นี่ผมเจอกับลุงคนไข้คนหนึ่งไม่ใช่พี่คนเดิม
ลุงเป็นมะเร็งที่ต่อมทอมซิน ไม่ได้ผ่าตัด ทำการรักษาแบบฉายแสง ซึ่งครบแล้ว
แต่ต้องให้บำบัดทางเคมี 5 วันต่อ 1 เข็ม ผมเห็นสิ่งที่ลุงได้รับมากกว่าผมอีก
ที่สำคัญเป็นที่คอ แล้วอย่างนี้เรื่องความอยากที่จะกินคงไม่ต้องพูดถึง
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วก็รู้สึกตัวเองมีกำลังใจขึ้นตั้งเยอะ
หลังจากที่ผมรออยู่ไม่นานพยาบาลก็เดินมาตามลงไปที่ห้อง obs เพื่อให้ยา
เป็นปกติที่เคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่าภายในห้องมีแต่ผู้หญิง
ผมนั่งลงรอพยาบาลมาลงเข็มใส่สายและให้เคมี เป็นยาตัวเดิม ขนาดเท่าเดิม
เวลาเท่าเดิม ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่ตั้งแต่มีคนไข้อยู่เต็มห้องจนเหลือผมคนสุดท้าย 6
ชั่วโมง
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในห้อง obs นาน แต่ก็ได้เห็นความสนุก
ความไม่เป็นทุกข์ของคนไข้ที่เป็นมะเร็ง มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าเมื่อผู้หญิงมาอยู่รวมกันเรื่องราวต่าง ๆ ก็จะพรั่งพรูออกมาอย่างไม่มีวันหยุด ที่นี่ก็เช่นกันเพื่อเป็นการเบี่ยงเบนไม่ให้สนใจว่าตัวยาที่ไหลเข้าสู่ร่างกายจะหมดไปตอนไหน
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของผมที่อยู่ในห้องนี้เลยได้ฟังเรื่องบางเรื่องของผู้หญิง
มีพี่ผู้หญิงท่านหนึ่งคุยเก่งมาก (ไม่ขอบอกซื่อนะเอาเป็นว่าชื่อผลไม้ที่มีหนามรอบตัวอยู่แถวจันทบุรี ใบ้ให้ขนาดนี้เดาไม่ถูกก็ไม่รู้จะว่ายังไง หวังว่าพี่แกคงไม่เข้ามาอ่านแล้วฟ้องผมนะ) สมมุติว่าชื่อพี่ผลไม้แล้วกันคุยได้เรื่อย ๆ พี่ผลไม้แกเป็นมะเร็งเต้านม น้ำเสียงพูดคุยยิ้มแย้ม สนุก แกบอกว่า
"ไม่ต้องไปคิดอะไรมากกับเรื่องโรคที่เป็น ตอนเช้าตื่นมาคิดอย่างเดียวว่าวันนี้จะกินอะไร"
บางครั้งก็คุยเรื่องของแกให้คนอื่นฟัง
เปิดฉากมาด้วยเรื่องกิน เนื่องจากต้องเป็นคนทำกับข้าวให้สามี
ด้วยความที่ปากไม่รับรส แกก็ใส่น้ำปลา
จนสามีต้องบอกว่า
"น้ำปลาแตกทั้งขวดลงในหม้อรึเปล่า" เอ้าฮาๆๆๆๆๆ
ตามด้วยเรื่องของสามีแกไปมีกิ๊กเป็นเด็กวัยรุ่น 17-18 แกก็บอกให้สามีไปอยู่กับกิ๊กเลย แต่สามีไม่ไป แล้วก็บอกว่า
"พวกเด็กมันก็แค่หลอกเอาตังค์เท่านั้นมันจะมาอยากอยู่กับสามีแกตลอด ไม่มีทาง" อันนี้ฮาไม่ออก มีแต่พี่ผลไม้แกฮาคนเดียว
ขณะให้ยาไปแกก็คุยกับคนโน้น คนนี้ คิดว่าแทบทุกคนในห้องคงรู้จักแกเป็นอย่างดี คุยไปได้พักใหญ่ มีพี่ผู้หญิงอีกคน (อันนี้ไม่รู้จักชื่อจริง ๆ) เป็นมะเร็งรังไข่ต้องตัดรังไข่ทิ้งทั้งสองข้าง
ท้องรู้สึกจะบวมมาก พี่ผู้หญิงเล่าให้ฟัง (ทั้งห้อง)ว่ามี
"คนมาทักแกบ่อยๆว่าท้องรึเปล่า ท้องอีกแล้วเหรอ"
พี่ผลไม้เสริมเรื่องของแกว่า
"ถ้ามีใครมาทักกับแกแบบนี้สามีแกคงเล่นแกตายแน่ ๆ เพราะตั้งแต่แกเป็นมะเร็ง สามีไม่เคยยุ่งกับแกเลย จะเป็นปีแล้ว ไม่อายหรอกมีพี่ผู้ชายอยู่ด้วย" (คงไม่ได้หมายถึงใครเพราะในห้องมีผู้ชายเป็นผมอยู่คนเดียว) อึ้งกันไปเลย
พยาบาลที่ดูแลในห้องก็เลยคุยสำทับอีกว่า
"อาจจะเป็นลูกหลงก็ได้นะไม่แน่ จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มีข้อห้ามของคนไข้ จะมีอะไรกันก็ได้ แต่ห้ามมีลูกเท่านั้นเอง"
พี่ผลไม้แกก็หันมาทางผมอีกแล้วพูดขึ้นว่า
"พี่ผู้ชายคิดหนักเลยนะเนี่ยคิดว่าจะยุ่งกันไม่ได้" อันนี้ฮาจริง
เสียงหัวเราะทั้งห้องก็กึกก้องขึ้นพร้อมกัน ผมก็หัวเราะตกกระไดพลอยโจนไปกับเค้าด้วย (เฮ้อโดนกับเค้าไปด้วย) พยาบาลอธิบายถึงเรื่องการมีลูกของคนไข้มะเร็งที่บำบัดทางเคมีว่า
"ที่ห้ามมีลูกเด็ดขาด เพราะเคมีที่ให้เข้าไปจะส่งผลถึงเด็กที่อยู่ในท้อง เด็กที่คลอดออกมาก็จะตาบอด และเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว 100 เปอร์เซ็นต์ อีกอย่างเวลาคลอดแม่ของเด็กจะมีการเสียเลือดมาก ซึ่งคนไข้นี้จะมีเกล็ดเลือดจะต่ำอยู่แล้ว เสี่ยงที่แม่จะเสียซีวิตอีกด้วย หากต้องการจะมีลูกในขณะให้เคมี คุณหมอก็จะพิจารณาเป็นเคส ๆ ไป"
เนื่องจากในห้องมีแต่ผู้หญิง
ความสงสัยของผมเลยเกิดขึ้น ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เอาเราเข้าไปมีส่วนร่วมในวงแล้วเลยถามไปว่า
"กรณีนี้เฉพาะผู้หญิงที่ให้เคมีหรือเปล่า ถ้าเป็นผู้ชายที่ให้เคมีแล้วผู้หญิงปกติหละครับ" (อันนี้คิดกับตัวเอง แต่ขอบอกว่าคงเป็นไปไม่ได้แล้ว.........)
"เหมือนกัน" พยาบาลตอบ
ก็เป็นอันว่าเข็มที่ 2 ผ่านไปด้วยดี เพียงแต่รอรับสถานการณ์ที่เคยเจอหลังจากเคมีออกฤทธิ์
ซึ่งครั้งนี้ เรื่องพะอืดพะอมผมไม่มีเลย มีแต่อาการเพลียและเหนื่อยมากขึ้น ความอยากอาหารก็เหมือนเดิม
อาจจะเป็นไปได้ว่าในช่วงที่หลังจากให้ยาผมอาจจะมีอาการไข้นิดหน่อย
เนื่องจากอากาศช่วงนั้นฝนตก ทำให้ไม่ได้ออกกำลังกายทำให้เหงื่อออก
ผมพักฟื้นตามปกติหลังให้เคมี 1 สัปดาห์ ก็กลับสู่สภาวะเช่นเดิม
"วัฏจักรชีวิตผมคงจะวนวียนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อย
ๆ ยังหาจุดจบไม่เจอเหมือนกัน"