"อนิจจัง ไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้แน่นอน"
เดือนตุลาคม 2556 ผมไปพบกับหมอที่ผ่าตัดเอาเนื้องอกออก ซึ่งจะนัดไว้ทุกสองเดือน ณ.ตอนนั้นผมแจ้งกับหมอว่า "หมอที่สถานพยาบาลมะเร็งกรุงเทพบอกให้ตรวจปอดดูด้วย" แต่เนื่องจากบริษัทที่ผมทำงานอยู่จะมีการตรวจร่างกายประจำปี
ช่วงปลายเดือนตุลาคมพอดี ซึ่งมีการเอ็กซ์เรย์ด้วย หมอก็เลยแนะนำว่า "ผลตรวจออกมาเอามาให้ดูก็ได้นะจะช่วยดูให้" และก็นัดผมทำ MRI ในเดือนธันวาคมเพื่อดูตรงจุดที่ผ่าตัดออกไป
ผลตรวจสุขภาพประจำปี ผมอยากรู้แต่ผลเลือด ผลของไขมันต่าง
ๆ เท่านั้น ที่อยากรู้เพราะตั้งแต่ผมออกกำลังกาย กินผักลดอาหารเนื้อสัตว์ไขมันต่าง
ๆ จะเป็นอย่างไร ซึ่งเท่าที่ดูผลแล้ว
ก็โอเคนะ ทั้งคลอเรสเตอรอลที่ลดลงมาในระดับที่ไม่เกิน (แต่ก่อนเกินมาตรฐาน)
แต่ที่สูงขึ้นมากลับเป็นไตรกรีเซอรไรด์ ก็ไม่ได้ตกใจอะไรอ่านไปเรื่อย ๆ
มาสะดุดในผลเอ็กซ์เรย์มีคำอธิบายเพิ่มเติมว่า “มีร่องรอยที่เกิดของโรคให้ติดต่อแพทย์”
ผมหวนไปคิดถึงคำพูดของหมอที่สถานฯมะเร็งกรุงเทพทันที ซึ่งผมเคยถามว่า
”จุดที่จะลามไปของผมคือตรงไหนครับ”
“ปอด ต่อมน้ำเหลือง กระดูก” หมอบอกผมพร้อมถามผมว่า “สูบบุหรี่ไหม”
"ไม่สูบครับ” ผมตอบหมอ
ผมไม่สูบบุหรี่แล้วมันจะลามมาที่ปอดได้ยังไงนะ
คงเป็นแค่รอยของการอักเสบเฉย ผมคิดในขณะนั้น แต่ความกังวลใจได้เกิดขึ้นตลอดเวลา
หมอนัดฟังผล MRI ประมาณ 10.40 น. ของ วันที่ 25
ธันวาคม
2556 ผมไปก่อนเวลาเหมือนเดิม เตรียมเอกสารผลตรวจร่างกายประจำปีไปด้วย
เมื่อถึงเวลาหมอถามผมว่า
"เป็นอย่างไงบ้าง แข็งแรงปกติดีนะ"
ผมตอบ "ครับ"
หมอเปิดภาพการตรวจ MRI ให้ดู ชี้ตรงจุดที่ผ่าตัดเนื้องอกออกไป
“ปกติดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่จะเห็นบริเวณที่ถูกฉายแสง จะเป็นสีขาว ๆ หากเทียบกับภาพที่ยังไม่ถูกฉายแสงของบริเวณดังกล่าวจะเป็นสีดำ แสดงถึงไขสันหลังบริเวณนั้นถูกทำลายไปด้วย ซึ่งจะส่งผลต่อหน้าที่ของไขสันหลังคือการสร้างเม็ดเลือดแดง แต่ก็ไม่เป็นไร จะใช้ส่วนอื่นสร้างแทน” หมออธิบาย พร้อมถามต่อว่า
“ยังทานยาตัวเดิมอยู่ หรือจะเลิก”
“ขอทานเหมือนเดิมดีกว่าครับ” ผมตอบ
จากนั้นผมยื่นผลการตรวจสุขภาพ และแจ้งหมอว่า "จากการเอ็กซ์เรย์เจอรอยบริเวณที่ปอด" หมออ่านเสร็จก็ให้ผมเอ็กซ์เรย์ซ้ำทันที
ผลการเอ็กซ์เรย์ ต้องรอประมาณ 30 นาที
พยาบาลแจ้งให้ไปทานข้าวก่อน
ผมต้องรีบกินข้าวให้เสร็จเพราะผลเอ็กซ์เรย์ได้แล้ว พยาบาลแจ้งให้กลับมาฟังผลได้ ผมกลับมาหาหมออีกครั้งด้วยใจจดจ่อ หมอเปิดภาพฟิลม์เอ็กซ์เรย์คำพูดที่ออกมาจากหมอคือ
"ผลเหมือนกัน มีรอยจุด ๆ ที่ด้านล่างของปอดเห็นได้ชัด เมือเปรียบเทียบกับผลเอ็กซ์เรย์ตอนต้นปี"
"เดี๋ยวจะส่งตัวให้ไปพบหมอที่เกี่ยวกับปอด ซึ่งคงต้อง ทำ CT Scan เพื่อยืนยัน"
จากนั้นผมออกมานั่งรออึ้งอีกครั้ง ไม่นานพยาบาลก็เดินมาแจ้งผมว่า
"ให้ไปรอพบหมอที่แผนกอายุรกรรมได้เลย"
อะไรกันเนี่ยปีนี้
ตั้งแต่ต้นปี หมอกระดูก หมอเส้นประสาท (ผ่าตัดเนื้องอก) หมอมะเร็ง(ฉายแสง)
ยังต้องหมออายุรกรรมเหรอ ผมนึกถึงพุทธวจนบทหนึ่งเห็นตามนั้นจริง ๆ กล่าวไว้ว่า
"ความชรามี (ซ่อน) อยู่ในความหนุ่ม, ความเจ็บไข้มี (ซ่อน) อยู่ในความไม่มีโรค, ความตายมี (ซ่อน) อยู่ในชีวิต"
((บาลี) อุปธิ. ม. ๑๔/๕๑๖/๘๒๒)
เวลาไม่นานผมมานั่งอยู่ต่อหน้าหมออายุรกรรม (ทำไมพวกหมอที่ทำงานยังหนุ่ม ๆ อยู่นะ
ความสงสัยทำให้ผมกังวลว่าแล้วการวินิจฉับของโรคต่าง ๆ จะแม่นยำถูกต้องรึเปล่า) หมอแจ้งผมว่า
"ทราบอะไรบ้างหล่ะ"
นั่นไงเห็นผมก็ยิงคำถาม แทนที่จะบอกผมเลย ผมก็เลยบอกว่า
"พบจุดที่ปอดจากการเอ็กซ์เรย์ครับ"
"จากที่ดูแล้วไม่ใช่เกิดจากการอักเสบนะ คงต้อง CT Scan ดู เดี๋ยวให้พยาบาลพาไป" หมอบอกแบบสั้น ๆ
จากนั้นพยาบาลก็เข้ามาถามผมว่า
"ทานข้าวมารึยัง"
ผมบอกว่า "ทานแล้วเมือประมาณ 11 โมง"
"งั้นขอไปเช็คคิวการใช้เครื่อง CT ก่อน และต้องรอสักประมาณ 2 ชั่วโมงหลังจากทานอะไรมา" พยาบาลแจ้งผม
ผมได้คิวการทำ CT Scan ประมาณบ่าย 2 โมง แลยตัดสินใจนั่งรอที่รพ.นั้นแหละ จิตเริ่มตกอีกครั้ง
การทำ CT Scan จะใช้เวลาน้อยกว่า MRI มาก
เพียงแค่ประมาณ 30 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย สิ่งที่เหมือนกันคือ มีการฉีดสีเข้าไปในร่างกาย ผมต้องโดนเจาะแขนเพื่อใส่เข็มไว้รอการฉีดสีในห้อง CT เลย (ความรู้ที่ได้จากการถามพยาบาลคือ เคมีที่ฉีดเข้าไปจะเป็นไอโอดีน
และต้องใช้เวลาในฉีดที่รวดเร็ว เพียงแค่ 30 วินาทีเท่านั้น
เพราะตัวยาจะสลายตัวเร็วมาก จึงต้องใช้เครื่องช่วยฉีด) ผมนอนลงบนเครื่อง CT Scan และเหยียดแขนทั้งสองข้างขึ้นด้านบน ให้แขนตึง
โดยเฉพาะแขนที่ต้องทำการฉีดสี ช่วงการฉีดไอโอดีนเข้าไปนั้นความรู้สึกเหมือนมีไอร้อนแพร่เข้าสู่ร่างกายตั้งแต่คอลงไปจนถึงท้อง
ก่อนฉีดพยาบาลบอกว่า
"ให้กลืนน้ำลายก่อนเมื่อฉีดแล้วห้ามกลืนน้ำลายเพราะจะอาเจียนออกมา"
ลองนอนหงายดูนะครับว่าจะหยุดกลืนน้ำลายได้หรือไม่
ความรู้สึกผมคือผมก็ขยับลูกกระเดือกหลายครั้งเหมือนกันแต่ไม่มีน้ำลาย
ผ่านไปได้เป็นอย่างดีสำหรับ CT Scan ไม่อึดอัดเหมือนการทำ MRI ผมออกจากห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ยังไม่ได้เอาเข็มออกจากแขน
เพราะต้องดูอาการก่อนว่ามีการแพ้ยาที่ฉีดเจ้าไปหรือไม่ ประมาณ 30 นาที ผมไม่มีอาการแพ้แต่อย่างใด
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงกว่า ๆ ผมนั่งรอผลและเพื่อพบหมอนานมากแล้วจึงเดินไปถามพยาบาลว่า
"ผล CT ออกรึยัง"
สรุปว่าผลออกแล้วแต่พยาบาลไม่ได้เช็ค เลยทำให้หมอไปไหนก็ไม่รู้
ต้องโทรตามหมอให้กลับเข้ามาเพื่อสรุปผลตรวจให้ผมฟัง หมอแจ้งผลว่า
"ชัดเจนคงเป็นจากของเดิมที่เกิดขึ้น"
"มีลักษณะเป็นอย่างไง" ผมถามหมอ
"มันไม่ใช่อาการอักเสบ"
"ความแตกต่างมันเป็นอย่างไรระหว่างอักเสบกับลักษณะที่ว่า" ผมถามด้วยความอยากรู้
"มันอธิบายยาก เป็นศัพท์ทางแพทย์" หมอตอบกลับ
คำตอบนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเอามาก ในเมื่อคนไข้อยากรู้
ก็อธิบายโดยใช้อะไรที่เข้าใจง่ายไม่ได้หรือ แล้วอย่างนี้ต้องเชื่อหมอทุกอย่างเหรอ (อันนี้ผมคิดในใจ)
หลังจากรับแจ้งผล หมอถามเรื่องการรักษาทำอย่างไร
จากนั้นก็แจ้งให้พยาบาลนัดกับทางสถานพยาบาลมะเร็งกรุงเทพผ่านทางประกันสังคมให้ผม
พร้อมจะติดต่อเมื่อได้วันนัดกับทางสถานพยาบาล ฯ แล้ว
ผมขับรถกลับบ้านหลังจากใช้เวลาอยู่โรงงพยาบาลตั้งแต่ 10 โมงเช้าจนถึงเกือบห้าโมงครึ่ง
ขณะขับรถน้ำตามันซึม ๆ คิดอะไรไม่ออก ส่งข้อความถึงพี่ชาย และพี่สาว ขอตั้งสติสองสามวัน (ห้ามโทรศัพท์มาหา ผมกำชับไปท้ายข้อความ)
การต่อสู้ครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง